สถาบันวิปัสสนาธุระ มจร

เทศบาลตำบลบางบ่อ สมุทรปราการ ๕-๗ ก.พ.๕๓

เทศบาลตำบลบางบ่อ   จังหวัดสมุทรปราการ   จัดโครงการธรรมะสำหรับผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไป  ระหว่างวันที่ ๕-๗ กุมภาพันธ์   ๒๕๕๓  ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  อำเภอวังน้อย  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา    ซึ่งมีผู้เข้าอบรม จำนวน  ๙๕ คน    ดำเนินการอบรมโดย  ฝ่ายวิปัสสนาธุระ   ส่วนธรรมนิเทศ    (ขออนุโมทนาบุญ)
ขออนุโมทนาบุญ

อบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน ครั้งที่ ๖ วันที่ ๒๙-๓๑ ม.ค. ๕๓

งานปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานแก่ประชาชนทั่วไป ครั้งที่ ๖  ระหว่างวันที่  ๒๙-๓๑ มกราคม  ๒๕๕๓   ซึ่งมีประชาชนทั่วไปเข้าอบรม จำนวน ๑๙๙ คน    ณ  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   อำเภอวังน้อย   จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

กิจกรรมฝ่ายวิปัสสนาธุระ

กิจกรรมฝ่ายวิปัสสนาธุระ  ส่วนธรรมนิเทศ  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ภาพงานปฏิบัติธรรม ณ. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

  ดำเนินการ โดย  ฝ่ายวิปัสสนาธุระ   ส่วนธรรมนิเทศ   มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   อำเภอวังน้อย   จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ขอเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


งานปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน

ขอเชิญสาธุชนเข้าร่วมปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน  
ณ  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   อ.วังน้อย  จ.พระนครศรีอยุธยา

งานปฏิบัติธรรมเยาวชน

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปทุมธานี

ผู้บริหารการเกษตร ระดับกลาง รุ่นที่ 44 จำนวน 95 คน




ผู้บริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ระดับกลาง รุ่นที่ 44 สถาับันเกษตราธิการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานระหว่างวันที่ 27-29 มกราคม 2553 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 95 คน


ภาพงานปฏิบัิติธรรม 29-31 มกราคม 2553 จำนวน 199 คน




คณะพระวิปัสสนาจารย์
เพิ่มรูปภาพ

คำสอนหลวงพ่อจรัญ

คำสอนจากหลวงพ่อจรัญ
ที่มาจากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มต่างๆบ้าง, หนังสือสอนกรรมฐานบ้าง และหนังสืออื่นๆ -
- ปวดหนอท่านก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวเดียวท่านก็เลิกหนอ แล้วท่านจะรู้กฎแห่งกรรมไหม
- ท่านไม่มีศีล เพราะว่าขาดสติกำหนด มาคุยกัน ท่านจะไม่มีศีล ท่านจะขาดสวย จิตใจไม่งาม ร่างกายไม่สวย ท่านจะกลับไปรวยได้อย่างไร
- คนมีศีลจะมีสติ เรียบร้อย สัมปชัญญะเรียบร้อย จะเดินเหิน จะยืน เดิน นั่ง นอน เหลียวซ้ายแลขวา สวยน่ารัก นี่คือศีล
- ขาดสติสัมปชัญญะแล้ว ท่านจะมีศีลได้ไหม ท่านจะมีคุณสมบัติมนุษย์ไหม
- ท่านไม่ชำระใจให้สะอาด ทำใจให้สกปรก มีแต่อารมณ์เสีย อารมณ์เลว ท่านจะพบแต่ความบาป และเดือดร้อนของท่านเอง ท่านจะแก้กรรมท่านไม่ได้ แก้ปัญญาชีวิตในครอบครัวไม่ได้
- ตั้งแต่เช้ามานี่อารมณ์ท่านคงที่คงวาคงศอกไหม ท่านต้องตั้งสติยัดเข้าไปด้วยการกำหนดจิต ฟุ้งซ่านหนอ ที่ลิ้นปี่
- เวรชนะด้วยการไม่จองเวรกรรมกัน กรรมชนะด้วยการสร้างกรรมดี แก้กรรมกลับร้ายกลายดี จะได้มีกรรมดีร่วมกัน ทำศัตรูให้เป็นมิตรให้ได้
- คนโง่ๆ ชอบเอาจิตไว้ที่ปาก พูดมากคนที่ฉลาดเป็นนักปราชญ์บัณฑิต ต้องเอาสติไว้ที่ใจ
- กำหนดจิตกรรมฐานแล้วคือบัณฑิต มีความคิดสูง มารยาทสวยงาม เป็นการสร้างกุศลให้แก่ตัวเอง
- คนที่สร้างความดี ชอบลงทุนความลำบาก คนชอบความชั่ว ชอบลงทุนความสบาย คนสร้างความดีชอบลงทุนความลำบาก ลำบากยังไงก็ต้องสู้ทน นี่คนดี
- คนชั่วมันมักง่ายมักได้ ชอบของชั่ว คือชอบสบาย________________________________________________________________
- อาตมาสอนเด็กนะ สอนง่ายๆ ไปโรงเรียนไหว้พ่อแม่สามหน- นักกรรมฐานต้องอ่อนน้อม จิตใจมีธรรมะมันจะอ่อนน้อมไปหมดเลย จะมีมารยาทสวยน่ารักทั้งหนุ่มสาว
- นั่งกรรมฐานเพื่อให้พ่อของหนูซึ่งอยู่ห้องไอซียู ดีกว่าหนูจะไปนั่งเฝ้า มีศรัทธาหรือเปล่า
-ถ้าไม่มีศรัทธาไม่ต้องนั่ง ไม่มีศรัทธาในการสร้างบุญเช่นนี้อย่านั่ง ไม่ได้ผล
-เขานั่งสี่วัน พ่อฟื้นเลย นี่เห็นไหมบุญจากกรรมฐานช่วยได้
- หลวงพ่อคะ ช่วยหน่อยเถอะ ผัวฉันไม่เอาไหนเลย เล่นการพนัน เจ้าชู้ด้วย จะแก้ยังไง?โยมปลงให้ตก สวดมนต์ไหว้พระ นั่งกรรมฐาน อโหสิกรรมให้สามีซะ แล้วก็แผ่เมตตา สามีเจ้าชู้ทิ้งนอกบ้าน เล่นการพนันทิ้งนอกบ้าน แล้วจะกลับเข้าบ้านด้วยสร้างความดีกับภรรยาต่อไป
- ไปหึงไปทะเลาะกัน นั่นใจบาป
- คนไทยปากเป็นบุญใจเป็นบาป มาทำบุญแต่กลับไปทะเลาะกับผัว ต่างคนต่างใจบาปด้วยกัน อยู่ด้วยกันด้วยความทุกข์ ด้วยความนรกทั้งเป็น- บางทีพ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน พ่อกินเหล้าแล้วเตะแม่ แม่ก็ด่าพ่อ นี่เด็กนักเรียน
-อาตมาก็บอกหนูนั่งกรรมฐาน แล้วอย่าไปสอนพ่อสอนแม่นะ อย่าไปว่าพ่อว่าแม่ จะเข้าข้างพ่อก็ไม่ได้ จะเข้าข้างแม่ก็ไม่ได้
-หนูนั่งกรรมฐานแผ่เมตตาให้คุณพ่อคุณแม่หนู สามพี่น้องปฏิบัติเลย
-บัดนี้พ่อแม่เลิกทะเลาะกันแล้ว นี่เพราะลูกทำให้พ่อแม่
- กรรมฐานใจมันเป็นบุญ ใจมันมีความสุข ปากพูดออกไปก็เพราะพริ้ง พูดเป็นเงินเป็นทอง เงินไหลนองทองไหลมา รวยทุกคน
- ถ้าจิตงาม ร่างกายก็สวย กลับไปรวยทุกคน ไม่ชอบก็ตามใจ
- คนใจบาปชอบขี้เกียจ
-คนใจบุญชอบขยัน
-คนมีคุณธรรม ขยันไม่พัก ไม่อยากกลับหรอก ทำงานให้เสร็จ ไม่มีเดี๋ยว นี่แหละคนมีธรรมะ
- คนมีธรรมะ ไม่เสร็จ ไม่นอน
-ไม่เสร็จไม่กินข้าว อย่างนี้คนมีธรรมะ
- แต่เดี๋ยวนี้ โอ้โห ปากเป็นบุญมาก เห็นพระไหว้ โอ๊ย สาธุ
-แต่ใจเป็นบาป เพราะจิตใจไม่มีกำหนดกรรมฐาน
-จิตบาป มันคิดไม่ดีต่อเขา แล้วก็โลภโมโทโส____________________________________________________________
- หน้าตาสวยเหมือนเทวดา เหมือนนางเอกในหนัง แต่นิสัยเป็นอย่างไร เขาดูที่นิสัย ดูที่แบบอย่าง เดินมาเรียบร้อยไหม มีมารยาทไหม เขาดูกันตรงนี้
- คนงามเขาไม่ได้ดูว่ารูปร่างสวยนะ
-เขาดูที่จิตใจงาม มีมารยาทไหม เป็นชาติผู้ดีไหม มีศีลธรรมหรือเปล่า
- ถ้าใครมีกรรมฐาน ลูกจะรวยสวยเก่ง เก่งงาน เก่งวิชาการ มีหลักฐาน ทำอะไรก็มีเหตุสิ เป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชน
- กรรมฐานต้องทำทุกนาที ช่วยได้แน่
- กลับไปแล้วก็แก้ปัญหาเสียงหนอบ้างไหม?
- เสียงหนอ ผิดถูกประการใดนิ่งไว้ก่อน
- เสียงด่าเรา เราไม่ชอบ อย่าเอามาไว้ในใจ ให้เสียงกลับไปหาเขาเอง คือ เสียงหนอ ด่าตัวเขาเอง เราจะได้ไม่เป็นบาป เราเป็นบุญ เขาเป็นบาปที่ด่าข้างเดียว เราอย่าออกไปด่ากับเขานะ
- เขาโกงเราดีที่สุด ดีกว่าเราไปโกงเขา เข้าใจไหม?
- ถ้ามันคิดอะไรไม่ออก เราก็ทำกรรมฐานได้ หายใจที่สะดือ หายใจยาวๆ แล้วก็เอาสติไว้ตรงนี้ คิดหนอๆ
- อะไรช้าควรช้า จะได้พร้าสองเล่มงาม ทำอะไรช้าไว้ มีสติคิดไว้ตลอดเวลา
- ถ้าท่านทำใจเร็วด่วนได้ จิตมันคิดไม่ทัน สติมันไม่มีโอกาสจะคิด จะเสียใจในภายหลัง
- ถ้าโยมเป็นพ่อค้าแม่ค้าต้องคิดขาดทุนไว้ทุกประตู รับรองโยมจะได้กำไร นี่คือกรรมฐาน ฟังให้ดีนะ
- ถ้าคิดว่านั่นก็ได้ นี่ก็ได้ ถ้าขาดทุนโยมจะแก้ปัญหาไม่ได้
- วันพรุ่งนี้เขาจะเอาเงินมาให้ นี่อนาคตไม่แน่นอน จับมั่นคั้นให้มันตาย และไม่ได้เตรียมหาที่อื่นไว้ พอพรุ่งนี้เขาไม่เอามาให้ เสียใจไหม? ตรงนี้ต้องปลงให้มันตก ต้องหาทางแก้ไปด้วย คือสติปัฏฐานสี่ คือกรรมฐานนี่เอง
- มารไม่มี บารมีไม่เกิด คนจะประเสริฐไม่ได้
-จะสร้างความดี ต้องมีมารคืออุปสรรค
- ถ้าไม่มีอุปสรรคเป็นความดีไม่ได้ ท่องไว้ ถ้าหากว่าไม่มีอุปสรรคแล้ว คือความชั่ว
- กำหนดรู้หนอ รู้หนอ รู้หนอ เขาอิจฉาเราหนอ -แผ่เมตตาหนอ อย่าไปตีต่อ อย่าไปอิจฉาเขาต่อ อย่าสร้างเวรกรรมเลย
-จงสร้างศัตรูให้เป็นมิตร ให้เป็นคู่คิดในบ้าน___________________________________________________________
- คนเราถ้าไม่ปฏิบัติธรรมก่อน ไม่มีธรรมให้ลึกซึ้งแล้ว เตือนก็โกรธแล้ว
-เพราะนิสัยไม่ดี ยังไม่มีคุณธรรม คุณภาพแล้วนั้น
- ต้องปฏิบัติธรรมครบ 3 เดือนก่อน แล้วถึงตักเตือนกันได้
- โยมบางคนนี่ เวลาไปเตือนหน่อยโกรธเลย เพราะอะไร?
-เพราะไม่มีธรรมะประจำใจ
- สามีเตือนภรรยา ภรรยาก็โกรธ ภรรยาเตือนสามี สามีก็โกรธ
- รับรองบ้านนั้นโฉดเขลาเบาปัญญา ไม่มีสติปัญญาเลย ไม่เคยเข้าวัด
- สามีปวารณาภรรยา ต่อไปนี้กระผมเอง จะไม่เจ้าชู้อีกต่อไป ผมขอให้สัญญากับภรรยา
-ภรรยาก็สัญญากับสามี จะไม่ด่าว่าสามีอีกต่อไป ถึงจะด่าก็จะด่าลับหลัง ถึงจะด่าก็ด่าอยู่ในใจ ก็คงจะไม่เป็นไร ถ้าปวารณากันได้เช่นนี้แล้ว รับรองท่านสาธุชนจะมีความเจริญมาก
- ท่านรุ่งเรืองขึ้นนะ ถ้าท่านปวารณากับสามีภรรยา ไม่โกรธกันอีกต่อไป ไม่ลงโทษต่อกัน สารภาพผิดต่อกันว่า สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลัง ก็กราบเท้าสามีว่า
-ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่ทำอย่างนี้อีกต่อไป อันว่าความผิดอันใดที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไปด้วยกาย วาจา ใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้อโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะไม่ทำอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว
- รับรองท่านจะรวยเป็นพิเศษ เงินจะไหลนองทองไหลมาได้แน่นอน_____________________________________________________________
- คนที่มีธรรมะประจำใจ นั่งเจริญกรรมฐานแล้ว จะให้อภัยทุกประการ ใครจะด่าจะว่าก็ไม่โกรธ ไม่ลงโทษใคร
- ลงโทษตัวเองดีกว่าที่จะไปลงโทษคนอื่นเขา ต้องอ่านตัวให้ออก บอกตัวให้ได้ ใช้ตัวให้เป็น
- ยืนหนอ 5 ครั้ง สำคัญมาก ต้องทำให้ได้
-ถ้าท่านทำได้แล้ว จิตสติอยู่ด้วยกันแล้ว ท่านจะอโหสิตัวเองได้ แล้วท่านจะไม่โกรธตัวเองที่ทำผิด
-จะยอมรับผิดอย่างน่าอนุโมทนา ยอมรับผิดไม่ดื้อรั้นอีกต่อไปแล้ว
- เราจะไม่โกรธกัน จะไม่เกลียดกัน จะไม่ผูกพยาบาทอาฆาตมีเวรต่อกันอีกต่อไป_________________________________________________________
- สามีภรรยาทำให้กันไม่ได้ ภรรยามาเจริญพระกรรมฐานก็ได้ของเขา
- แต่สามีไม่เคยทำเลย สามีก็ไม่ได้อะไรเลยนะ เพราะความดีอันนี้ทำให้กันไม่ได้
- เงินทองให้กันได้ หรือข้าวของให้กันได้
-แต่สร้างความดีให้กันไม่ได้ กินข้าวให้เขาอิ่มไม่ได้
-อันนี้เรื่องสำคัญมาก ของใครของมันนะ พี่น้องท้องเดียวกันยังเหมือนกันไม่ได้ ทำให้กันไม่ได้
- บ้านไหนทะเลาะกันให้ลูกเห็นเป็นพยานหลักฐาน บ้านนั้นลูกดีไม่ได้ ลูกจะดีไม่ได้เลย
- บ้านไหนมีกุศล ทั้งสามีภรรยาไม่ทะเลาะกัน ปวารณาซึ่งกัน ให้อภัยกัน ให้เกียรติกัน ภายในบ้านนั้น ลูกๆ ของท่านจะได้ดีอย่างแน่นอน
- คนที่จะเตือนกันได้คงต้องมีธรรมะ ถ้าไม่มีธรรมะเลย ไปเตือน โกรธนะ
- อย่าไปเที่ยวเตือนคนอื่นเขาสุ่มสี่สุ่มห้า เขาจะโกรธเอา โยมรู้เรื่องไหม?
- ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโจรผู้ร้ายหรืออย่างไร แต่ของดีต้องมีทุกคน อย่าดูถูกคน
- อโหสิกรรม อย่าไปดูถูกคน
- ขอทานก็มีหัวใจเหมือนกัน
-อย่าดูถูกเขา ถึงหากว่ามือดีเท้าดีตาหูดีก็ตาม
-เขาขอดีกว่ามาปล้น ดีกว่ามาลักขโมย
-เขาขอ...ให้ไปเลยโยมเอ๋ย! ให้เขาไปเลย

ข้อควรจำสำหรับชาวพุทธ

ข้อควรจำสำหรับชาวพุทธ
หลวงพ่อปัญญาฯ ได้เขียน "ข้อควรจำสำหรับชาวพุทธ" เอาไว้ดังนี้
๑. ชาวพุทธ...ถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ
๒. ชาวพุทธ...เชื่อมั่นในกฏของกรรม"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
๓. ชาวพุทธ...ยอมให้พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำทางชีวิตถือเอาพระธรรมเป็นแนวทางของชีวิตถือเอาพระสงฆ์เป็นบุคคลตัวอย่างผู้นำทางชีวิตและเดินตามแบบพระสงฆ์ตลอดไป
๔. ชาวพุทธ...จะไม่กราบไหว้สิ่งอื่นที่ชาวโลกถือว่าขลังว่าศักดิ์สิทธิ์
๕. ชาวพุทธ...จะไม่เชื่อในชะตาชีวิตที่หมอดูบอกแต่เชื่อว่าตนเองสร้างอนาคตให้แก่ชีวิตตนเอง
๖. ชาวพุทธ...เวลามีความทุกข์แก้ไขความทุกข์ที่ตนเองไม่เที่ยววิ่งไปหาหมอดูให้เสียเวลาเปล่าๆ
๗. ชาวพุทธ...ถือว่าความบังเอิญไม่มีมีแต่สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุเมื่อปราศจากเหตุ ผลจะเกิดขึ้นไม่ได้เหตุที่แท้จริงอยู่ที่การกระทำของตนเอง
๘. ชาวพุทธ...ไม่มีพิธีสะเดาะเคราะห์แบบหมอดูแต่สะเดาะตรงค้นหาเหตุให้พบ แล้วตัดเหตุนั้นเสีย
๙. ฤกษ์งามยามดีสำหรับชาวพุทธ...ไม่มี...มีแต่...ทำดีก็ทำให้เวลาดีขึ้น ทำชั่วก็ทำให้เวลาชั่วดีชั่วมิได้ขึ้นอยู่กับเวลาแต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเท่านั้น

คำสอนหลวงพ่อท่อน ญาณธโร

คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร -
การแผ่เมตตา ต้องแผ่เป็นอัปปมัญญา - ถ้ามีว่าคนนี้รัก ให้มากๆ - คนไม่ชอบใจ ไม่ให้ - แสดงถึงความมีอคติ - ต้องให้เท่าเทียม ไม่เจาะจง ให้หมด ใจจึงจะเป็นกลาง ให้หมดแหละ - แผ่เมตตาให้เต็มดวง -พ่อแม่จะได้บุญน้อยลงไปไหม ไม่หรอก - เหมือนพระอาทิตย์ส่องโลก มันก็สว่างไปหมดทั่วทุกมุมโลก ทุกคนก็เห็นความสว่างเท่ากันหมด- เวลาไหนเราไม่ปรุงไม่แต่งไปตามสังขาร -ราคะ โทสะ โมหะ สังขารปรุงไม่ได้ - เรียกนิพพานชั่วขณะ- ที่ว่าว่างๆ นั้นคือ -มันว่างจากอารมณ์ยินดียินร้าย - แต่ความรู้ไม่ว่าง - รู้ชัดทุกลมหายใจ - หายใจเข้าก็รู้ชัด หายใจออกก็รู้ชัด รู้อยู่ตลอดเวลา - แต่ว่างจากอารมณ์ยินดียินร้าย -เหมือนดังชามที่ว่าง ไม่มีอะไร- ให้มีความเมตตาปรารถนากับสรรพสัตว์จริงๆ อย่างไม่มีประมาณ - ไม่ว่าคนนั้นสัตว์นั้นจะดีกับเราแค่ไหน หรือร้ายกับเราขนาดไหน - ก็ให้เมตตาปรารถนาดีเท่าเทียมกัน - อย่าให้มีเลือกที่รักมักที่ชังแม้แต่น้อย - ให้เหมือนดังแม่เมตตาลูก - ไม่คิดจะทำให้ทุกข์แม้แต่น้อย ทั้งกายวาจาใจ- ตามดูอาการหลับให้ละเอียด - มันค่อยๆหลับไปอย่างไร_______________________________________________________________________- ให้ดูกระดูกอย่างเดียว ดูจุดเดียว - อย่าไปพิจารณากาย 32- งานมันมาก เอาอย่างเดียว เอามันให้แจ้ง - มันก็คลายได้ เอามันอยู่อย่างนั้น- ผ้าจีวร ให้เป็นผ้าขี้ริ้ว ผ้าราคาถูกแค่ไหน แพงหรือดีแค่ไหน - กายมันก็ไม่รู้อะไรด้วย - เอามาคลุมกาย กายมันก็เฉยๆ อยู่ไม่เห็นว่าอะไร - มีแต่กิเลสมันไปยึดโน้นยึดนี้ ยึดสมมติทางโลก - ต้องอย่างนั้นดี อย่างนี้ไม่ดี แล้วก็ทุกข์เอง- ถ้าเราเสียเปรียบ เราดีใจ - ถ้าเราได้เปรียบ เราเสียใจ - อันไหนดีให้เขา - ของเราอย่างไรก็ได้ --> นี่เรียกคนใจเจริญ- ให้เขานิดเดียว เราเอามากๆ - ไม่ดีเลย - เราผิดธรรม ตำหนิตัวเอง ใจเราเสื่อม ใจเราไม่ดี- ให้เอาชนะความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยความเสียสละ- ถ้ายังคิดว่าเราจะเอาชนะคนอื่นด้วยการเอารัดเอาเปรียบเขา - ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้แพ้(ตนเอง) ตลอดไป- การปฏิบัติธรรม -อย่าอยากได้ อยากเห็นอยากเป็นใดๆเลย - ให้รู้มันอยู่อย่างเดียว มีอะไรก็ช่าง รู้อยู่อย่างเดียว -ถ้าอยากก็ไม่ไปไหน เป็นสมาธิอยู่ก็หลุดจากสมาธิ- เราปฏิบัติเพื่อความปล่อยวาง เพื่อละความยึดมั่นต่างๆ เพื่อละความยินดียินร้าย - เราเป็นผู้ดู ไม่ใช้ผู้บังคับให้มันเป็น_______________________________________________________________________- ครั้งหนึ่ง หลวงปู่นั่งภาวนา แต่ในหมู่บ้านตีกลองเสียงดังมาก - หลวงปู่จึงเปลี่ยนเสียงที่รำคาญใจเป็นเสียงธรรม - หูได้ยินอยู่ แต่มันดังเป็นเสียงธรรมที่ใจ - เสียงของกลอง ป๊ะโทนๆ ป๊ะโทนๆ - เวลามาดังที่ใจเป็น ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ - ไม่มีห่วง ไม่มีดีใจ ไม่มีเสียใจ ไม่มีพอใจ ไม่มีหัวเราะ ไม่มีร้องไห้ ไม่มีบุญ ไม่มีบาป ไม่มีดี ไม่มีเลว- จึงใกล้นิพพาน- ถ้ายังห่วง -แสดงว่ายังไกลอยู่ ยังเก็บ ยังกอบ ยังกำ ยังโกยอยู่ - แสดงว่ายังห่างอยู่มากอยู่ - เราจะไม่ให้มีความห่วงอยู่เลย - จะไม่ให้มีความตระหนี่ถี่เหนียวมาเป็นใหญ่กว่าใจเราได้เลย - เราจะขูดออกขัดออก- น้ำใสน้ำนิ่ง จะเห็นปลา เห็นทรายชัด - ถ้าน้ำกระเพื่อมก็ไม่เห็น - เปรียบกับจิตที่เป็นหนึ่ง หยุดนิ่งย่อมรู้หมด มีอะไรรู้หมด รู้จิตผู้อื่น- ต้องทำให้เป็นวสี จึงจะรู้ได้ตลอด- ถาม- มีสิทธิ์ รู้ได้ไหมครับว่า ใครดี ใครไม่ดี ใครจะโกงเราตอบ - รู้อยู่ รู้ได้อยู่ที่ใจ แต่นักปราชญ์ท่านไม่รุกรานเขาหรอก - ถ้าเขาชั่วก็ชั่วของเขา - ถ้าเขาไม่ยอมกลับตัว มันก็ตัวของเขา - ครูบาอาจารย์ก็บอกไม่ได้แล้ว - เขาทำตัวเขาเอง เรื่องของเขา- วาจาใดที่ทำให้ตนเองบ้าง ทำให้ผู้อื่นบ้าง ไม่สบายหู ไม่สบายใจ - วาจานั้นถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรพูด- เมื่อนกจับต้นไม้ต้นใด มันก็ถือว่าสักแต่จับอยู่เท่านั้น - เมื่อบินไปแล้วก็หมดเรื่อง ไม่มีความอาลัยกับต้นไม้นั้น- ต้องรวมพลังจิตไปอยู่จุดเดียว - จึงเกิดพลังพิเศษ จึงเห็นธรรม- วางอยู่เสมอๆ - เราก็จะไม่มี เราก็จะไม่ทุกข์ ไม่สุข ไม่หวง ไม่ห่วง ไม่ติดในห้วงมหรรณพ -สักว่าแต่อยู่ สักว่าแต่ใช้อาศัยไปเฉยๆ- ถ้าใจวางก็เหมือนคนตายแล้ว- ไม่มีอะไรจะยึดถือ - ว่าง...วางเฉย- ความสันโดษ มักน้อย - เป็นทรัพย์อันประเสริฐของผู้ต้องการความพ้นทุกข์_______________________________________________________________________- ผู้ใดได้รับความสงบมากๆ คนนั้นรวย - ผู้ใดสะสมกองกิเลสมากๆ มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐิพพะ ธรรมารมณ์มากๆ ฟุ่มเฟือยอยู่ในกามสุข - คนนั้นคนจน มีหนทางถึงหายนะแน่นอน- มัวแต่ห่วงโลกอยู่ เลยไม่ได้ไปพระนิพพาน - ผู้จะไปพระนิพพานได้ ท่านไม่ห่วง ไม่มีห่วงโลกห่วงใดๆ ทั้งนั้น -เรื่องรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ท่านตัดขาดพรวดไปเลย ไม่มีอีกแล้ว - เรียกว่าตัดกิเลสตาย คลายกิเลสหลุด ถึงวิมุตติ มรรคผลนิพพาน สว่างโร่ ไม่มืดอีกแล้ว- ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใคร ไม่อาฆาตใคร ไม่พยาบาทใคร - ให้อภัยแก่คนทุกจำพวก ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรกับใครเลย -ต้องพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ - อย่างนี้ ใจเราสบาย- กิเลสเป็นของร้อนเผาตัวเอง - ให้รู้เท่ามัน -มันก็ไม่มารบกวนหรอก- ผู้จะไปพระนิพพาน- ต้องไม่มีอะไรข้องสักอย่าง - รูปเสียงกลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็ไม่ข้อง- ต้องเป็นผู้เลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย นอนง่าย มีแต่ง่ายๆ มันก็ไม่ข้อง- ใครจะว่าชั่วก็ตามที - ใครจะว่าดีก็ตามชัง - อยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีดี ไม่มีชั่วตามใครทั้งนั้น - โลกธรรมถูกต้องไม่หวั่นไหว สบายตัวคนเดียวก็พอ- คนเราชอบหลงหาเรื่องข้องใส่ตัวเอง - เห็นรูปถูกใจๆ ก็ไปข้อง - เห็นเสียงถูกใจๆ ก็ไปข้อง - ได้กลิ่นหอมๆ ถูกใจก็ไปข้อง- รสอร่อยๆ ก็ไปข้อง - โผฏฐัพพะเครื่องถูกต้องร่างกาย อยากได้ผ้าดีๆ ที่นอนดีๆ ก็เป็นเครื่องข้อง- โลกทั้งหลาย เขาอยู่ด้วยราคะ โทสะ โมหะ - ติดกันอยู่แค่นี้ เขาทำไปตามอำนาจกิเลส - จะไปไหนๆ ทำอะไรๆ ก็เอากิเลสออกหน้า - ใส่ปุ๋ยให้ราคะ โทสะ โมหะ มันก็ใหญ่โตไปเรื่อยๆ - เพราะตามใจมันทุกอย่าง - ทำให้หลง หลงรัก หลงใคร่ หลงอยากได้ หลงยินดี หลงหาทั้งตาปี - หลงแล้วก็ติด ติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ - พอมันพลัดพรากจากเราไปก็เป็นทุกข์ เพระความหลง - ถ้าไม่เพ่ง ไม่ตัดมันเสียก่อน มันก็มีกำลังอยู่อย่างนั้น_______________________________________________________________________- คนจะรวย ก็เพราะรวยน้ำใจมาก่อน - คนจะจน ก็เพราะจนน้ำใจมาก่อน- เกิดเป็นมนุษย์ใช้ร่างกายให้คุ้มค่า ศีลของเราดีหรือเปล่าทานของเราดีหรือเปล่าภาวนาของเราตั้งใจมั่นหรือเปล่า- ถ้าไม่แน่วแน่ ยังวอกแวก ไม่เป็นอันเดียว -มันก็งมโข่งไปเรื่อย- ถ้าเราแน่วแน่ในใจเต็มที่ ไว้วางใจตนเอง เป็นที่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไร มีดวงจิตดวงเดียวเท่านั้น - เวลาตายยิ้มตาย ไม่กลัวอะไรเลย- ความเกษมสุข ความไม่เศร้าโศก -เป็นมงคล ใจจะรื่นเริงเสมอ- ถ้าเศร้าโศกจะเสียมงคลไปหมด - เหมือนต้นไม้มันเฉา แล้วน่าดูไหม - เอาน้ำมารด เอาปุ๋ยมาใส่ ชุ่มชื่นขึ้นมามันเป็นยังไง - มันสดชื่นน่าชม- เป็นนิมิตก็ดี เป็นอะไรก็ดี - ของเหล่านั้นไม่ใช่เราหรอก - อย่าไปถือว่าเป็นเรา - มันไม่รู้อะไร มันแค่ปรากฎเป็นตนเป็นตัวขึ้นมา -เป็นภาพลวงตา ลวงใจเราให้ไปหลงมันซื่อๆ หรอก - อย่าหลงตะครุบเงา อย่าหลงไปตามสัญญาอรมณ์ ส่งออกนอก - เห็นนั้น เห็นนี่ ตัวไหนไปเห็น - หายใจเข้า รู้ -หายใจออกรู้ -อย่าหลงเอามาเป็นเรา เพียงไปเห็นเฉยๆ -ถ้าเอาลมมาเป็นเรา ก็ตะครุบเงา - ไม่ได้ตะครุบตัวจริง- ความโกรธทำลายผิวพรรณ - ขี้โกรธ ผิวพรรณจะขี้ริ้ว เป็นไฝ เป็นฝ้า ไม่ดี - ถ้าไม่มีความโกรธ สีสันวรรณะ จะดี ไม่เปลืองเครื่องสำอางใดๆเลย- กิเลสมันเหนียวมันแน่น ความตระหนี่ถี่เหนียว เป็นต้น - เอาอะไรมาขัดมันออก มันเหนียว เหนียวจริงๆ - ท่านจึงบัญญัติว่า ทานัง เทติ - ให้ทานเป็นเครื่องขัดเครื่องเกลากิเลสในหัวใจ - ความตระหนี่ก็จะเบาบางไป - จึงควรทำทานอยู่บ่อยๆ_______________________________________________________________________- ไม่ว่าประเทศไหน -เอาความโลภเป็นหัวหน้าปฏิบัติงาน - พังทุกราย - ความโลภเป็นอันตรายแก่ธรรมทั้งหลาย แก่ความเจริญทั้งหลาย - โลภมากเท่าไร เป็นอันตรายแก่ตัวเองเท่านั้น- รีบกำจัดความโลภ ด้วยการทำทานขัดเกลากิเลส - อย่าให้ความตระหนี่ถี่เหนียวมาเป็นนายกุญแจ ปิดกุญแจแห่งกุศลของเรา- ใครจะว่าจะนินทา - เฉยไว้ก็ดีเอง- สนิมกินเหล็ก - กิเลสกินใจ- การเจริญเมตตาปรานี - ต้องให้มีไมตรีจิตมิตรภาพปรารถนาดีในเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย - เมื่อมีเมตตามากๆ -ความยินดีในความโกรธอาฆาตพยาบาทจะหมดไป - เมื่อเราทำเช่นนี้มากๆ - ความตระหนี่ถี่เหนียวก็จะหายไป - จะกลายเป็นผู้เสียสละอยู่อย่างนั้น - เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคะ โทสะ ก็จะเบาบาง ด้วยการแผ่เมตตาปรารถนาดีให้กันและกันเสมอๆ- เมื่อไม่มีความโกรธแล้ว แต่ความหลงยังมีอยู่นะ - หลงโลภ หลงรัก หลงชัง อะไรต่างๆ - เหล่านี้เป็นกิเลส เป็นตัณหา เป็นกิเลสวัฏฏะ เป็นตัวจักรของกิเลส- ซึ่งเป็นเหตุให้ทำกรรมไปต่างๆ - เพราะฉะนั้น เรจึงต้องมาทำกรรมฐาน ทำสมาธิภาวนากัน- หมากัดขาเรา - เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ - ถ้าไปกัด คงน่าเกลียดจริงๆ - หมากัดขาเรา ก็รักษาแผลไป ไม่ต้องไปกัดขาหมาตอบ - ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา อย่าอย่าไปตำหนิเขาตอบ - ใครทำให้เราโกรธ เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ - ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก_______________________________________________________________________- เราได้อาศัยร่างกายที่มีแต่ของเน่าๆ เปื่อยๆ มาทำประโยชน์ไปวันๆ เท่านั้นเอง- ยังน่าปลื้มใจที่อาศัยไหว้พระสวดมนต์ รักษาศีล ทำบุญให้ทาน ทำสมาธิภาวนา ทำคุณความดีเพื่อประโยชน์ตนบ้าง เพื่อประโยชน์ผู้อื่นบ้าง ยังน่าปลื้มนะ - ให้ทำความดีเยอะๆ ทำบุญให้ทาน นั่งสมาธิ และรักษาศีลให้บริสุทธิ์ให้มากๆ - อย่าได้ประมาทเลย พยายามทำให้ต่อเนื่อง มันจะแก่กล้าขึ้น - การทำอย่างที่ว่ามานี้ เขาเรียกว่าอบรมบ่นอินทรีย์ให้แก่กล้า- สร้างบุญบารมีให้ใหญ่โต- ถ้าเราพิจารณกายให้ลึกลงไป ให้เห็นลงไปจริงๆ - ลงไปถึงใส้ใหญ่ ใส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า เหล่านี้มันมีอะไรวิเศษนัก - จึงถือทิฐิมานะ ไม่ยอมกราบไหว้ผู้อื่น - ทำไมยึดถือของเน่าๆ อยู่เต็มตัว จนไม่ยอมกราบไหว้ เคารพนับถือผู้อื่น - ก็ได้ร่างกายเน่าๆ นี่แหละ พิจารณาให้ซึ้งให้ถึงแก่นเถอะ -ให้ช่ำชอง ชำนาญในการเข้าและออกจนจิตใจผ่องใส ไม่มีมลทินโทษแล้ว - ทิฐิบริสุทธิ์ ญาณทัศนะ ธาตุก็จะบริสุทธิ์ - ตายแล้วกระดูกเป็นพระธาตุแน่นอน- พระคุณต้องทดแทน ถ้าเคียดแค้นต้องอโหสิ - อเวรัง อะสะปัตตัง - พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พวกเราเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่จองเวร เป็นผู้อโหสิ- ผู้ถึงพร้อมด้วยทาน ศีล ภาวนา - ได้ชื่อว่ามีใจที่พัฒนาแล้ว เจริญแล้ว - จะไม่มีทางเอารัดเอาเปรียบ - มีแต่การเสียสละ จะอยู่ร่วมกันได้โดยสงบสุข- บุคคลใดเป็นคนเลี้ยงง่าย มีกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย- ใจจะสบาย การปฏิบัติก็รวมใจเป็นหนึ่งได้ง่าย - ความวุ่นวายก็น้อยลง ความกังวลติดยึดจะไม่มี_______________________________________________________________________- การทำความเพียร -ไม่ใช่เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิ ไม่ใช่ทำทั้งวันทั้งคืนหรอก - ถ้ายังเดินคิด นั่งคิด ก็จัดว่าเป็นความเพียรไม่ได้ - เรียกว่าฟุ้งซ่าน- การทำความเพียร หมายถึงการมีสติ ทำอะไรทำอย่างมีสติระลึกได้อยู่ - จะก้าวหน้า จะถอยหลัง เหลียวซ้าย แลขวา จะพูดจาอะไรมีสติ กำหนดรู้ทั่วอยู่ ระลึกได้อยู่เสมอ - นี่เรียกทำความเพียร - ทุกอิริยาบถจดจ่ออยู่ อย่าเผลอ - ร่างกายมันพักผ่อน ใจก็ยังมีสติอยู่ นี่เรียกว่าความเพียร- ทรัพย์ภายใน ท่านว่า แสวงรู้ แสวงอ่าน แสวงฟัง แสวงเรียน - นี่เป็นทรัพย์ภายใน - แต่ถ้าท่านผู้ใดปล่อยให้วันเวลาล่วงไปๆ ไม่แสวงหาทรัพย์เหล่านี้ไว้ในใจ- ก็จะโง่ ไม่ฉลาด จะทำให้เป็นคนจนได้- คนที่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง - จะเป็นที่พึ่งของใครไม่ได้ พึ่งตัวเองก็ไม่ได้ ไม่มีทางออก - บางคนพอคิดอะไรไม่ออก ก็คิดสั้นฆ่าตัวตายไปให้เป็นวิบากกรรมติดตามไปในภพหน้าชาติหน้าต่อไปอีกชั่วกาลนาน- มีหลายคนแล้วที่ประสบกับปัญหาเข้าขั้นวิกฤติ ยามเข้าตาจน- แล้วรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ จากปัญหาร้ายแรงมาได้อย่างคาดไม่ถึง - เป็นเพราะเขาระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งบ่อยๆ - เพียงน้อมระลึกนึกถึงก็ได้บุญกุศล ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไว้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ_______________________________________________________________________- ราคะไม่มี, โทสะไม่มี, โมหะไม่มี - ความดึงดูดของโลกดูดไม่ได้เลย - เพราะไม่มีสิ่งที่จะดึงดูดดูดกันได้แล้ว - เพราะฉะนั้น พระอริยเจ้าท่านไปไหนมาไหน ท่านเหาะเอา - เพราะโลกไม่ดึงดูด- มัวแต่คิดจะต่อต้านผู้อื่น -ทำไมไม่คิดต่อต้านกิเลสตัวเอง เอาชนะกิเลสตัวเอง - ทำอย่างไรความโลภมันจึงจะเบาบางลง - ทำอย่างไรความโกรธมันจึงจะเบาบางลง- ทำอย่างไรความหลงมันจึงจะเบาบางลงไป - นี่คือหน้าที่ของเราโดยตรง- ผู้ภาวนาชั้นยอด - ท่านเพียรฆ่าความโกรธให้มันหมด - ฆ่าความโลภให้มันหมด- ฆ่าความหลงให้มันหมด- ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา - ใครนินทา เราไม่ได้ยิน ไม่ใส่ใจก็สบาย - คนนินทาน่ะ เป็นยาชูกำลังที่จะเตือนตัวเอง - เขาติดีกว่าเขาชม จะได้รู้ตัว- ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจะได้ปรับปรุง เราจะไปโกรธเขาทำไม - ถ้าไปโกรธเขา ก็เรียกว่าเราแพ้ตัวเอง- ไม่ต้องรู้อะไรมาก - รู้ภายในน้อยๆ รู้ตามคำสั่งสอนน้อยๆ มันก็กว้างออกมาได้ - รู้ทุกขัง รู้อนิจจัง รู้อนัตตา รู้แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว- สังขารความคิดปรุงแต่ง มันไม่ใช่เรา - แต่มันลากเราให้ติดให้ทุกข์ ไม่รู้จักจบจักสิ้น- เพราะฉะนั้นจงอย่าเชื่อสังขาร- เรียนทางโลก - เรียนไปๆ ก็ยิ่งหนาไปเรื่อย ไม่เบาบางได้เลย - เรียนทางธรรม เรียนละ- ละโลภ ละโกรธ ละหลง ละกิเลสตัณหา - มันก็เบาไปๆ จนไม่มีภาระ หมดภาระถาม - ทำสมถะมากๆ มันแช่ในอารมณ์ นิ่งไปเลย มันติดในสมาธิตอบ - มันจะแช่อะไร - เราวุ่นวายมาตั้งเท่าไหร่ - จะทำความสงบให้ใจ มันจะแช่อะไร - สมถะนี่แหละตัวสมาธิ ให้ใจมันสงบ ให้ใจมันแน่เสียก่อน - จึงค่อยวิปัสสนา พิจารณาร่างกาย ผมขนเล็บ ฟัน หนัง_______________________________________________________________________- เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส - ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เป็นใหญ่ มีอำนาจมาก -แต่โกงกินแผ่นดิน จนประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก - ต่อมาประชาชนรวมตัวกันขับไล่ จนต้องหนีออกนอกประเทศ - เงินที่โกงกินแผ่นดินมาถูกยึดคืนหมด - ในที่สุดก็ตายอย่างหมาข้างถนน- ความโลภเป็นอันตรายแก่ความเจริญทั้งหลาย- ทำลายชื่อเสียง เกียรติยศ รสนิยมพังไปตามๆ กัน- ทำทานรักษาศีลเจริญภาวนาก็เพื่อกำจัดกิเลส- มีศีล มีธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน - จึงเป็นคนดีได้ - ถ้าไม่มีก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน -สัตว์เดรัจฉานเห็นกันก็กัดกัน -มีอาหารกิน มันก็ไม่แบ่งใคร - มันหวงแต่ตัวคนเดียว กินไม่หมดโน่นแหละจึงให้เขา- ไวปากเสียศีล ไวตีนตกต้นไม้ - เขามาว่า หรือทำไม่ดีกับเรา ก็สาธุๆไว้ - อย่าไปโกรธเขา - เราจะไม่โกรธ จะไม่ต่อสู้ใครเลย - แม้แต่ยุงมากัด ก็ไม่คิดทำร้ายมันเลย- ไม่ต้องถามปัญหาอะไรหลาย - ไม่มีปัญหา ไม่ต้องสงสัยอะไร - มีความสงสัยเกิดขึ้น รู้อยู่ อย่าไปตาม - ถ้าปล่อยให้มันสงสัย มันก็สงสัยเรื่อยไป - รู้เท่าทันความสงสัยพอ_______________________________________________________________________- ธรรมที่ทำให้งามคือขันติ - ความอดกัน ทนทานไม่โกรธง่ายโสรัจจะ - ความสงบเสงี่ยมเจียมตัว อ่อนน้อม สะอาดเรียบร้อย- คนวู่วาม ทำตามใจตน เป็นคนโกรธง่าย ขาดขันติไม่งามเลย - คนเราถึงแม้หน้าตาจะดีแค่ไหน ให้แต่งตัวสวยๆ ใส่เครื่องประดับราคาแพงมากมายขนาดไหนก็ตาม - แต่ถ้าขาดความเสงี่ยมเจียมตัว หยิ่งยโส แข็งกระด้าง - มีผู้ใหญ่นั่งอยู่ เวลาเดินผ่านไม่มีก้มศีรษะ เดินคอแข็งผ่านไปเฉยเลย - ดูงามไหมล่ะ ดูไม่ได้เลย ไม่งามเลย- ฆราวาสธรรมมี4 ข้อ1. สัจจะ - ความซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน2. ทโม - รู้จักข่มใจตนเอง เมื่อประสบกับอารมณ์อันไม่พึงปรารถนา3. ฐิติ - ขันติ ความอดทนอดกลั้น4. จาโค - การเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น- หากบุคคลใดมีฆราวาสธรรมครบทั้ง 4 ข้อแล้ว - ทำมาค้าขึ้นซื้อง่ายขายคล่อง - เทวดานิยมชมชอบคอยดูแลช่วยเหลือ -ทำน้อยๆ ก็ได้มามาก - หากไม่มีฆราวาสธรรม แม้ทำแทบแย่ แต่ก็ได้มานิดเดียว - เฮ็ดเพียงตีน มันก็ขึ้นมาเพียงตา -เฮ็ดเพียงตา มันก็ได้มาเพียงตีน

กำหนดการโครงการอบรมวิปัสสนาฯ 2553

ขอเชิญสาธุชนปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อความสุข สงบ ร่มเย็นแห่งชีวิต (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ยกเว้น บริจาคตามศรัทธา)
ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หลักสูตรประจำปี ๒๕๕๓
ครั้งที่ ๑ วันที่ ๒๑ - ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ ปฏิบัติธรรมวันปิยมหาราช
ครั้งที่ ๒ วันที่ ๙ - ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๗ - ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๔ วันที่ ๓ - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ ปฏิบัติธรรมวันพ่อแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕ วันที่ ๑๑ - ๑๗ มกราคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๖ วันที่ ๒๙ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๗ วันที่ ๒๔ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมวันมาฆบูชา
ครั้งที่ ๘ วันที่ ๘ - ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๙ วันที่ ๒๖ - ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๐ วันที่ ๒๓ - ๒๕ เมษายน ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๑ วันที่ ๒๖ - ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมวันวิสาขบูชา
ครั้งที่ ๑๒ วันที่ ๗ - ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๓ วันที่ ๒๕ - ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๔ วันที่ ๑๖ - ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๕ วันที่ ๑๑ - ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมวันแม่แห่งชาติ
ครั้งที่ ๑๖ วันที่ ๒๗ - ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๗ วันที่ ๖ - ๑๒ กันยายน ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ครั้งที่ ๑๘ วันที่ ๒๔ - ๒๖ กันยายน ๒๕๕๓ ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป

สิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมในการปฏิบัติธรรมแต่ละครั้ง
๑. การเข้าร่วมปฏิบัติธรรมตามโครงการ ถ้าเป็นหมู่คณะกรุณาแจ้งให้ทราบก่อน อย่างน้อย ๒ สัปดาห์
๒. เครื่องใช้ส่วนตัวที่ต้องนำไปใช้ในการปฏิบัติธรรม (สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ชุดขาว หรือ ผ้าสีสุภาพ เป็นต้น)
๓. รถออกจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เวลา ๑๕.๐๐ น.
๔. ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ – ๑๘.๐๐ น. ณ ตึกอาคารหอฉัน มจร. วังน้อย
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (ตึกสำนักงานอธิการบดี)
โทร. ๐-๓๕๒๔-๘๐๐๐ ต่อ ๘๗๘๒, ๘๘๑๘, ๘๘๑๘ , ๘๘๑๖, ๘๘๑๕, และ ๐๘-๙๗๗๒-๙๒๔๐
โทรสาร ๐-๓๕๒๔-๘๐๔๔, ๐-๓๕๒๔-๘๐๔๗ email :
sumetha333@yahoo.com

อนุโมทนาบุญเจ้าภาพป้ายโครงการอบรมวิปัสสนาฯ




คณะพระวิปัสสนาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มจร. อยุธยา


พระอาจารย์วิหาร เขมวโร
ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มจร. วังน้อย


พระครูสถิตธรรมาลังการ
วัดประดับ อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี

พระครูวินัยธรสมเกียรติ ฐานุตฺตโร
วัดดอนตะโหนด ต.โพทะเล อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี


พระปลัดพงศ์ศักดิ์ ธมฺมวโร
วัดเมืองใหม่ ต.ป่าตาล อ.เมือง จ.ลพบุรี

พระครูอนุกุลกัลยาณกิจ
วัดห้วยเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

พระครูภาวนาวรานุรักษ์
วัดราษฎร์บำรุงหนองลี ต.โพทะเล อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี